ชื่องานวิจัย
ชื่องานวิจัยภาษาไทย งแนวทางการจัดการสารสนเทศมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อ สืบสานรากเหง้าของภูมิปัญญาโนรา 100ปีชุมชนท่าข้าม อำเภอ หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ชื่องานวิจัยภาษาอังกฤษ The Guidelines Cultural Heritage Information Management for 100 Year Nora Dance Thakam Hatyai District Songkhla Province

ผู้ร่วมทำงานวิจัย
หัวหน้าโครงการดร. มุจลินทร์ ผลกล้า

รายละเอียดงานวิจัย
แหล่งทุนวิจัย งบวิจัยคณะ (เงินบำรุงการศึกษา)
สาขาการวิจัย สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและนิเทศศาสตร์
ปีงบประมาณ 2566
ระยะเวลาดำเนินการวิจัย 1 ปี
งบประมาณ 9,000 บาท
พื้นที่ทำการวิจัย ต.เขารูปช้าง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ผู้ประสานงานในพื้นที่ นายสินธพ อินทรัตน์
สถานะของผู้ประสานงาน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม
ประเภทงานวิจัย เดี่ยว
สถานะงานวิจัย กำลังดำเนินการ
คำสำคัญ การจัดการสารสนเทศ มรดกทางวัฒนธรรม โนรา
บทคัดย่อ ระบุบทคัดย่อ“โนรา” ศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ของประเทศไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ จากองค์การสหประชาชาติ (UNESCO) เป็นอันดับ 3รองจากโขน (ปีพุทธศักราช 2561) และนวดไทย (ปีพุทธศักราช 2562) โนรา นับเป็นศิลปวัฒนธรรมทีทรงคุณค่าและมีความสำคัญในฐานะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นด้านศิลปะการแสดงที่สืบทอดมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18-19 (ธรรมนิตย์  นิคมรัตน์, 2564) และโนรามีลักษระที่สอดคล้องตามหลักเกณฑ์ของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ตามที่ระบุในอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Convention for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage, 2003) ถึง 4 สาขาด้วยกันคือ 1) มุขปาฐะ ๒) ศิลปะการแสดง ๓) การปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรมและงานเทศกาล ๔) งานช่างฝีมือดั้งเดิม ซึ่งในปัจจุบันมีคณะโนราอาชีพในประเทศไทยจำนวน 378 คณะ ได้กระจุกตัวอยู่มากบริเวณรอบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาถึง 70% (ธรรมนิตย์  นิคมรัตน์, 2564) อีกทั้งมีการสืบทอดศิลปะทั้งด้านการแสดง ช่างฝีมือ ดนตรี และพิธีกรรมจากรุ่นสู่รุ่นผ่านสายตระกูลโนรา ชุมชน วัด จนกระทั่งเข้าสู่หลักสูตรการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาทุกระดับทั่วภาคใต้
             ในส่วนของภูมิปัญญาโนรา ได้แบ่งเป็น 2ประเด็นหลักคือ ภูมิปัญญาด้านการสร้างตำนานและประวัติความเป็นมาของโนรา และภูมิปัญญาด้านานคติความเชื่อ (พิทยา  บุษรารัตน์, 2553) ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการดำรงอยู่ของความมีวิถีผูกพันอย่างลึกซึ้งกับชีวิตสังคมชาวภาคใต้ซึ่งมีความเชื่อเกี่ยวกับพิธีกรรมอย่างเข้มข้นและส่งผลโดยตรงต่อผู้เป็นโนรื้อสาย ลูกหลานตายายโนรา ที่แสดงออกถึงความกตัญญูรู้คุณด้วยการสืบทอดเชื้อสายโนราต่อๆกันมา
             และเมื่อกล่าวถึงโนรา ในชุมชนท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก็เป็นอีกชุมชนหนึ่งที่มีเรื่องราวของโนรามาแต่โบราณกาลสืบสานต่อยอดกันมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เป็นระยะเวลากว่า 100 ปี ตั้งแต่ โนราคล้าย  แก้วสัตยา โนราชุม  แก้วสัตยา โนราเงาะ โนราอินแก้ว ทองสมสี โนราบุญแก้ว  ทองสมสี  โนราไข่แก้ว โนรารักษ์  ไชยภักดี โนราเรือง โนราสีนุ่น รัตนะนุพงษ์  และโนราอรุณ  แก้วสัตยา (จรูญ  หยูทอง, 2564) ซึ่งโนราที่ได้ยกตัวอย่างมาข้างต้น เป็นโนราระดับชั้นครูหมอของชุมชนท่าข้าม ที่มีลูกหลานสืบทอดรับช่วงผสานความเชื่อต่อๆมาเพื่อดูแลรักษาภูมิปัญญาต่างๆ เช่น ตำนาน ประวัติศาสตร์โนรา ท่ารำ เครื่องดนตรี เครื่องแต่งกาย พิธีกรรมต่างๆไว้ จนปัจจุบันก็ยังมีธรรมเนียมปฏิบัติของคนในชุมชนท่าข้าม ร่วมกันขับเคลื่อนมรดกภูมิปัญญาโนราชุมชนท่าข้ามโดยการไหว้ครูหมอโนราเป็นประจำทุกปี ดังนั้นทางองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้ามนำโดย นายสินธพ  อินทรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้ามและคณะกรรมการวัฒนธรรมชุมชนได้จัดสร้างอาคารศูนย์อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมชุมชนท่าข้าม และมีความประสงค์จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโนรา ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ควรเก็บรักษาอย่างยิ่งไว้ที่ศูนย์แห่งนี้อีกด้วย (สินธพ  อินทรัตน์, สัมภาษณ์ 2565)
             ผู้วิจัยในฐานะที่เป็นนักสารสนเทศศาสตร์ จึงสนใจศึกษาแนวทางการจัดการสารสนเทศมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อสืบสานรากเหง้าของภูมิปัญญาโนรา 100ปี ชุมชนท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาโดยจะดำเนินการศึกษาถึงสภาพปัจจุบันของมรดกภูมิปัญญาโนรา 100 ปี ชุมชนท่าข้าม และนำมาหาแนวทางในการจัดการสารสนเทศให้อยู่ในรูปแบบที่น่าเชื่อถือมากที่สุดเพื่อนำมาเผยแพร่ให้กับคนรุ่นหลังได้
4
รับทราบถึงรากเหง่าสายโนราชุมชนท่าข้าม เพื่อจะได้ร่วมกันสืบสาน อนุรักษ์  รักษา และต่อยอดให้โนรา
ท่าข้ามดำรงอยู่คู่ชุมชนอย่างยั่งยืน และในอนาคตอาจได้นำข้อมูลสารสนเทศที่มีการจัดเก็บเป็นระบบนี้ไปถ่ายทอดในรูปแบบอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นในโอกาสต่อไปได้
 “โนรา” ศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ของประเทศไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ จากองค์การสหประชาชาติ (UNESCO) เป็นอันดับ 3รองจากโขน (ปีพุทธศักราช 2561) และนวดไทย (ปีพุทธศักราช 2562) โนรา นับเป็นศิลปวัฒนธรรมทีทรงคุณค่าและมีความสำคัญในฐานะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นด้านศิลปะการแสดงที่สืบทอดมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18-19 (ธรรมนิตย์  นิคมรัตน์, 2564) และโนรามีลักษระที่สอดคล้องตามหลักเกณฑ์ของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ตามที่ระบุในอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Convention for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage, 2003) ถึง 4 สาขาด้วยกันคือ 1) มุขปาฐะ ๒) ศิลปะการแสดง ๓) การปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรมและงานเทศกาล ๔) งานช่างฝีมือดั้งเดิม ซึ่งในปัจจุบันมีคณะโนราอาชีพในประเทศไทยจำนวน 378 คณะ ได้กระจุกตัวอยู่มากบริเวณรอบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาถึง 70% (ธรรมนิตย์  นิคมรัตน์, 2564) อีกทั้งมีการสืบทอดศิลปะทั้งด้านการแสดง ช่างฝีมือ ดนตรี และพิธีกรรมจากรุ่นสู่รุ่นผ่านสายตระกูลโนรา ชุมชน วัด จนกระทั่งเข้าสู่หลักสูตรการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาทุกระดับทั่วภาคใต้
             ในส่วนของภูมิปัญญาโนรา ได้แบ่งเป็น 2ประเด็นหลักคือ ภูมิปัญญาด้านการสร้างตำนานและประวัติความเป็นมาของโนรา และภูมิปัญญาด้านานคติความเชื่อ (พิทยา  บุษรารัตน์, 2553) ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการดำรงอยู่ของความมีวิถีผูกพันอย่างลึกซึ้งกับชีวิตสังคมชาวภาคใต้ซึ่งมีความเชื่อเกี่ยวกับพิธีกรรมอย่างเข้มข้นและส่งผลโดยตรงต่อผู้เป็นโนรื้อสาย ลูกหลานตายายโนรา ที่แสดงออกถึงความกตัญญูรู้คุณด้วยการสืบทอดเชื้อสายโนราต่อๆกันมา
             และเมื่อกล่าวถึงโนรา ในชุมชนท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก็เป็นอีกชุมชนหนึ่งที่มีเรื่องราวของโนรามาแต่โบราณกาลสืบสานต่อยอดกันมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เป็นระยะเวลากว่า 100 ปี ตั้งแต่ โนราคล้าย  แก้วสัตยา โนราชุม  แก้วสัตยา โนราเงาะ โนราอินแก้ว ทองสมสี โนราบุญแก้ว  ทองสมสี  โนราไข่แก้ว โนรารักษ์  ไชยภักดี โนราเรือง โนราสีนุ่น รัตนะนุพงษ์  และโนราอรุณ  แก้วสัตยา (จรูญ  หยูทอง, 2564) ซึ่งโนราที่ได้ยกตัวอย่างมาข้างต้น เป็นโนราระดับชั้นครูหมอของชุมชนท่าข้าม ที่มีลูกหลานสืบทอดรับช่วงผสานความเชื่อต่อๆมาเพื่อดูแลรักษาภูมิปัญญาต่างๆ เช่น ตำนาน ประวัติศาสตร์โนรา ท่ารำ เครื่องดนตรี เครื่องแต่งกาย พิธีกรรมต่างๆไว้ จนปัจจุบันก็ยังมีธรรมเนียมปฏิบัติของคนในชุมชนท่าข้าม ร่วมกันขับเคลื่อนมรดกภูมิปัญญาโนราชุมชนท่าข้ามโดยการไหว้ครูหมอโนราเป็นประจำทุกปี ดังนั้นทางองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้ามนำโดย นายสินธพ  อินทรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้ามและคณะกรรมการวัฒนธรรมชุมชนได้จัดสร้างอาคารศูนย์อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมชุมชนท่าข้าม และมีความประสงค์จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโนรา ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ควรเก็บรักษาอย่างยิ่งไว้ที่ศูนย์แห่งนี้อีกด้วย (สินธพ  อินทรัตน์, สัมภาษณ์ 2565)
             ผู้วิจัยในฐานะที่เป็นนักสารสนเทศศาสตร์ จึงสนใจศึกษาแนวทางการจัดการสารสนเทศมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อสืบสานรากเหง้าของภูมิปัญญาโนรา 100ปี ชุมชนท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาโดยจะดำเนินการศึกษาถึงสภาพปัจจุบันของมรดกภูมิปัญญาโนรา 100 ปี ชุมชนท่าข้าม และนำมาหาแนวทางในการจัดการสารสนเทศให้อยู่ในรูปแบบที่น่าเชื่อถือมากที่สุดเพื่อนำมาเผยแพร่ให้กับคนรุ่นหลังได้
4
รับทราบถึงรากเหง่าสายโนราชุมชนท่าข้าม เพื่อจะได้ร่วมกันสืบสาน อนุรักษ์  รักษา และต่อยอดให้โนรา
ท่าข้ามดำรงอยู่คู่ชุมชนอย่างยั่งยืน และในอนาคตอาจได้นำข้อมูลสารสนเทศที่มีการจัดเก็บเป็นระบบนี้ไปถ่ายทอดในรูปแบบอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นในโอกาสต่อไปได้
 
“โนรา” ศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ของประเทศไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ จากองค์การสหประชาชาติ (UNESCO) เป็นอันดับ 3รองจากโขน (ปีพุทธศักราช 2561) และนวดไทย (ปีพุทธศักราช 2562) โนรา นับเป็นศิลปวัฒนธรรมทีทรงคุณค่าและมีความสำคัญในฐานะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นด้านศิลปะการแสดงที่สืบทอดมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18-19 (ธรรมนิตย์  นิคมรัตน์, 2564) และโนรามีลักษระที่สอดคล้องตามหลักเกณฑ์ของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ตามที่ระบุในอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Convention for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage, 2003) ถึง 4 สาขาด้วยกันคือ 1) มุขปาฐะ ๒) ศิลปะการแสดง ๓) การปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรมและงานเทศกาล ๔) งานช่างฝีมือดั้งเดิม ซึ่งในปัจจุบันมีคณะโนราอาชีพในประเทศไทยจำนวน 378 คณะ ได้กระจุกตัวอยู่มากบริเวณรอบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาถึง 70% (ธรรมนิตย์  นิคมรัตน์, 2564) อีกทั้งมีการสืบทอดศิลปะทั้งด้านการแสดง ช่างฝีมือ ดนตรี และพิธีกรรมจากรุ่นสู่รุ่นผ่านสายตระกูลโนรา ชุมชน วัด จนกระทั่งเข้าสู่หลักสูตรการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาทุกระดับทั่วภาคใต้
             ในส่วนของภูมิปัญญาโนรา ได้แบ่งเป็น 2ประเด็นหลักคือ ภูมิปัญญาด้านการสร้างตำนานและประวัติความเป็นมาของโนรา และภูมิปัญญาด้านานคติความเชื่อ (พิทยา  บุษรารัตน์, 2553) ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการดำรงอยู่ของความมีวิถีผูกพันอย่างลึกซึ้งกับชีวิตสังคมชาวภาคใต้ซึ่งมีความเชื่อเกี่ยวกับพิธีกรรมอย่างเข้มข้นและส่งผลโดยตรงต่อผู้เป็นโนรื้อสาย ลูกหลานตายายโนรา ที่แสดงออกถึงความกตัญญูรู้คุณด้วยการสืบทอดเชื้อสายโนราต่อๆกันมา
             และเมื่อกล่าวถึงโนรา ในชุมชนท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก็เป็นอีกชุมชนหนึ่งที่มีเรื่องราวของโนรามาแต่โบราณกาลสืบสานต่อยอดกันมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เป็นระยะเวลากว่า 100 ปี ตั้งแต่ โนราคล้าย  แก้วสัตยา โนราชุม  แก้วสัตยา โนราเงาะ โนราอินแก้ว ทองสมสี โนราบุญแก้ว  ทองสมสี  โนราไข่แก้ว โนรารักษ์  ไชยภักดี โนราเรือง โนราสีนุ่น รัตนะนุพงษ์  และโนราอรุณ  แก้วสัตยา (จรูญ  หยูทอง, 2564) ซึ่งโนราที่ได้ยกตัวอย่างมาข้างต้น เป็นโนราระดับชั้นครูหมอของชุมชนท่าข้าม ที่มีลูกหลานสืบทอดรับช่วงผสานความเชื่อต่อๆมาเพื่อดูแลรักษาภูมิปัญญาต่างๆ เช่น ตำนาน ประวัติศาสตร์โนรา ท่ารำ เครื่องดนตรี เครื่องแต่งกาย พิธีกรรมต่างๆไว้ จนปัจจุบันก็ยังมีธรรมเนียมปฏิบัติของคนในชุมชนท่าข้าม ร่วมกันขับเคลื่อนมรดกภูมิปัญญาโนราชุมชนท่าข้ามโดยการไหว้ครูหมอโนราเป็นประจำทุกปี ดังนั้นทางองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้ามนำโดย นายสินธพ  อินทรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้ามและคณะกรรมการวัฒนธรรมชุมชนได้จัดสร้างอาคารศูนย์อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมชุมชนท่าข้าม และมีความประสงค์จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโนรา ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ควรเก็บรักษาอย่างยิ่งไว้ที่ศูนย์แห่งนี้อีกด้วย (สินธพ  อินทรัตน์, สัมภาษณ์ 2565)
             ผู้วิจัยในฐานะที่เป็นนักสารสนเทศศาสตร์ จึงสนใจศึกษาแนวทางการจัดการสารสนเทศมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อสืบสานรากเหง้าของภูมิปัญญาโนรา 100ปี ชุมชนท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาโดยจะดำเนินการศึกษาถึงสภาพปัจจุบันของมรดกภูมิปัญญาโนรา 100 ปี ชุมชนท่าข้าม และนำมาหาแนวทางในการจัดการสารสนเทศให้อยู่ในรูปแบบที่น่าเชื่อถือมากที่สุดเพื่อนำมาเผยแพร่ให้กับคนรุ่นหลังได้
4
รับทราบถึงรากเหง่าสายโนราชุมชนท่าข้าม เพื่อจะได้ร่วมกันสืบสาน อนุรักษ์  รักษา และต่อยอดให้โนรา
ท่าข้ามดำรงอยู่คู่ชุมชนอย่างยั่งยืน และในอนาคตอาจได้นำข้อมูลสารสนเทศที่มีการจัดเก็บเป็นระบบนี้ไปถ่ายทอดในรูปแบบอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นในโอกาสต่อไปได้
 “โนรา” ศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ของประเทศไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ จากองค์การสหประชาชาติ (UNESCO) เป็นอันดับ 3รองจากโขน (ปีพุทธศักราช 2561) และนวดไทย (ปีพุทธศักราช 2562) โนรา นับเป็นศิลปวัฒนธรรมทีทรงคุณค่าและมีความสำคัญในฐานะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นด้านศิลปะการแสดงที่สืบทอดมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18-19 (ธรรมนิตย์  นิคมรัตน์, 2564) และโนรามีลักษระที่สอดคล้องตามหลักเกณฑ์ของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ตามที่ระบุในอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Convention for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage, 2003) ถึง 4 สาขาด้วยกันคือ 1) มุขปาฐะ ๒) ศิลปะการแสดง ๓) การปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรมและงานเทศกาล ๔) งานช่างฝีมือดั้งเดิม ซึ่งในปัจจุบันมีคณะโนราอาชีพในประเทศไทยจำนวน 378 คณะ ได้กระจุกตัวอยู่มากบริเวณรอบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาถึง 70% (ธรรมนิตย์  นิคมรัตน์, 2564) อีกทั้งมีการสืบทอดศิลปะทั้งด้านการแสดง ช่างฝีมือ ดนตรี และพิธีกรรมจากรุ่นสู่รุ่นผ่านสายตระกูลโนรา ชุมชน วัด จนกระทั่งเข้าสู่หลักสูตรการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาทุกระดับทั่วภาคใต้
             ในส่วนของภูมิปัญญาโนรา ได้แบ่งเป็น 2ประเด็นหลักคือ ภูมิปัญญาด้านการสร้างตำนานและประวัติความเป็นมาของโนรา และภูมิปัญญาด้านานคติความเชื่อ (พิทยา  บุษรารัตน์, 2553) ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการดำรงอยู่ของความมีวิถีผูกพันอย่างลึกซึ้งกับชีวิตสังคมชาวภาคใต้ซึ่งมีความเชื่อเกี่ยวกับพิธีกรรมอย่างเข้มข้นและส่งผลโดยตรงต่อผู้เป็นโนรื้อสาย ลูกหลานตายายโนรา ที่แสดงออกถึงความกตัญญูรู้คุณด้วยการสืบทอดเชื้อสายโนราต่อๆกันมา
             และเมื่อกล่าวถึงโนรา ในชุมชนท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก็เป็นอีกชุมชนหนึ่งที่มีเรื่องราวของโนรามาแต่โบราณกาลสืบสานต่อยอดกันมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เป็นระยะเวลากว่า 100 ปี ตั้งแต่ โนราคล้าย  แก้วสัตยา โนราชุม  แก้วสัตยา โนราเงาะ โนราอินแก้ว ทองสมสี โนราบุญแก้ว  ทองสมสี  โนราไข่แก้ว โนรารักษ์  ไชยภักดี โนราเรือง โนราสีนุ่น รัตนะนุพงษ์  และโนราอรุณ  แก้วสัตยา (จรูญ  หยูทอง, 2564) ซึ่งโนราที่ได้ยกตัวอย่างมาข้างต้น เป็นโนราระดับชั้นครูหมอของชุมชนท่าข้าม ที่มีลูกหลานสืบทอดรับช่วงผสานความเชื่อต่อๆมาเพื่อดูแลรักษาภูมิปัญญาต่างๆ เช่น ตำนาน ประวัติศาสตร์โนรา ท่ารำ เครื่องดนตรี เครื่องแต่งกาย พิธีกรรมต่างๆไว้ จนปัจจุบันก็ยังมีธรรมเนียมปฏิบัติของคนในชุมชนท่าข้าม ร่วมกันขับเคลื่อนมรดกภูมิปัญญาโนราชุมชนท่าข้ามโดยการไหว้ครูหมอโนราเป็นประจำทุกปี ดังนั้นทางองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้ามนำโดย นายสินธพ  อินทรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้ามและคณะกรรมการวัฒนธรรมชุมชนได้จัดสร้างอาคารศูนย์อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมชุมชนท่าข้าม และมีความประสงค์จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโนรา ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ควรเก็บรักษาอย่างยิ่งไว้ที่ศูนย์แห่งนี้อีกด้วย (สินธพ  อินทรัตน์, สัมภาษณ์ 2565)
             ผู้วิจัยในฐานะที่เป็นนักสารสนเทศศาสตร์ จึงสนใจศึกษาแนวทางการจัดการสารสนเทศมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อสืบสานรากเหง้าของภูมิปัญญาโนรา 100ปี ชุมชนท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาโดยจะดำเนินการศึกษาถึงสภาพปัจจุบันของมรดกภูมิปัญญาโนรา 100 ปี ชุมชนท่าข้าม และนำมาหาแนวทางในการจัดการสารสนเทศให้อยู่ในรูปแบบที่น่าเชื่อถือมากที่สุดเพื่อนำมาเผยแพร่ให้กับคนรุ่นหลังได้
4
รับทราบถึงรากเหง่าสายโนราชุมชนท่าข้าม เพื่อจะได้ร่วมกันสืบสาน อนุรักษ์  รักษา และต่อยอดให้โนรา
ท่าข้ามดำรงอยู่คู่ชุมชนอย่างยั่งยืน และในอนาคตอาจได้นำข้อมูลสารสนเทศที่มีการจัดเก็บเป็นระบบนี้ไปถ่ายทอดในรูปแบบอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นในโอกาสต่อไปได้
 “โนรา” ศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ของประเทศไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ จากองค์การสหประชาชาติ (UNESCO) เป็นอันดับ 3รองจากโขน (ปีพุทธศักราช 2561) และนวดไทย (ปีพุทธศักราช 2562) โนรา นับเป็นศิลปวัฒนธรรมทีทรงคุณค่าและมีความสำคัญในฐานะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นด้านศิลปะการแสดงที่สืบทอดมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18-19 (ธรรมนิตย์  นิคมรัตน์, 2564) และโนรามีลักษระที่สอดคล้องตามหลักเกณฑ์ของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ตามที่ระบุในอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Convention for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage, 2003) ถึง 4 สาขาด้วยกันคือ 1) มุขปาฐะ ๒) ศิลปะการแสดง ๓) การปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรมและงานเทศกาล ๔) งานช่างฝีมือดั้งเดิม ซึ่งในปัจจุบันมีคณะโนราอาชีพในประเทศไทยจำนวน 378 คณะ ได้กระจุกตัวอยู่มากบริเวณรอบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาถึง 70% (ธรรมนิตย์  นิคมรัตน์, 2564) อีกทั้งมีการสืบทอดศิลปะทั้งด้านการแสดง ช่างฝีมือ ดนตรี และพิธีกรรมจากรุ่นสู่รุ่นผ่านสายตระกูลโนรา ชุมชน วัด จนกระทั่งเข้าสู่หลักสูตรการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาทุกระดับทั่วภาคใต้
             ในส่วนของภูมิปัญญาโนรา ได้แบ่งเป็น 2ประเด็นหลักคือ ภูมิปัญญาด้านการสร้างตำนานและประวัติความเป็นมาของโนรา และภูมิปัญญาด้านานคติความเชื่อ (พิทยา  บุษรารัตน์, 2553) ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการดำรงอยู่ของความมีวิถีผูกพันอย่างลึกซึ้งกับชีวิตสังคมชาวภาคใต้ซึ่งมีความเชื่อเกี่ยวกับพิธีกรรมอย่างเข้มข้นและส่งผลโดยตรงต่อผู้เป็นโนรื้อสาย ลูกหลานตายายโนรา ที่แสดงออกถึงความกตัญญูรู้คุณด้วยการสืบทอดเชื้อสายโนราต่อๆกันมา
             และเมื่อกล่าวถึงโนรา ในชุมชนท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก็เป็นอีกชุมชนหนึ่งที่มีเรื่องราวของโนรามาแต่โบราณกาลสืบสานต่อยอดกันมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เป็นระยะเวลากว่า 100 ปี ตั้งแต่ โนราคล้าย  แก้วสัตยา โนราชุม  แก้วสัตยา โนราเงาะ โนราอินแก้ว ทองสมสี โนราบุญแก้ว  ทองสมสี  โนราไข่แก้ว โนรารักษ์  ไชยภักดี โนราเรือง โนราสีนุ่น รัตนะนุพงษ์  และโนราอรุณ  แก้วสัตยา (จรูญ  หยูทอง, 2564) ซึ่งโนราที่ได้ยกตัวอย่างมาข้างต้น เป็นโนราระดับชั้นครูหมอของชุมชนท่าข้าม ที่มีลูกหลานสืบทอดรับช่วงผสานความเชื่อต่อๆมาเพื่อดูแลรักษาภูมิปัญญาต่างๆ เช่น ตำนาน ประวัติศาสตร์โนรา ท่ารำ เครื่องดนตรี เครื่องแต่งกาย พิธีกรรมต่างๆไว้ จนปัจจุบันก็ยังมีธรรมเนียมปฏิบัติของคนในชุมชนท่าข้าม ร่วมกันขับเคลื่อนมรดกภูมิปัญญาโนราชุมชนท่าข้ามโดยการไหว้ครูหมอโนราเป็นประจำทุกปี ดังนั้นทางองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้ามนำโดย นายสินธพ  อินทรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้ามและคณะกรรมการวัฒนธรรมชุมชนได้จัดสร้างอาคารศูนย์อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมชุมชนท่าข้าม และมีความประสงค์จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโนรา ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ควรเก็บรักษาอย่างยิ่งไว้ที่ศูนย์แห่งนี้อีกด้วย (สินธพ  อินทรัตน์, สัมภาษณ์ 2565)
             ผู้วิจัยในฐานะที่เป็นนักสารสนเทศศาสตร์ จึงสนใจศึกษาแนวทางการจัดการสารสนเทศมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อสืบสานรากเหง้าของภูมิปัญญาโนรา 100ปี ชุมชนท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาโดยจะดำเนินการศึกษาถึงสภาพปัจจุบันของมรดกภูมิปัญญาโนรา 100 ปี ชุมชนท่าข้าม และนำมาหาแนวทางในการจัดการสารสนเทศให้อยู่ในรูปแบบที่น่าเชื่อถือมากที่สุดเพื่อนำมาเผยแพร่ให้กับคนรุ่นหลังได้
4
รับทราบถึงรากเหง่าสายโนราชุมชนท่าข้าม เพื่อจะได้ร่วมกันสืบสาน อนุรักษ์  รักษา และต่อยอดให้โนรา
ท่าข้ามดำรงอยู่คู่ชุมชนอย่างยั่งยืน และในอนาคตอาจได้นำข้อมูลสารสนเทศที่มีการจัดเก็บเป็นระบบนี้ไปถ่ายทอดในรูปแบบอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นในโอกาสต่อไปได้
 “โนรา” ศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ของประเทศไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ จากองค์การสหประชาชาติ (UNESCO) เป็นอันดับ 3รองจากโขน (ปีพุทธศักราช 2561) และนวดไทย (ปีพุทธศักราช 2562) โนรา นับเป็นศิลปวัฒนธรรมทีทรงคุณค่าและมีความสำคัญในฐานะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นด้านศิลปะการแสดงที่สืบทอดมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18-19 (ธรรมนิตย์  นิคมรัตน์, 2564) และโนรามีลักษระที่สอดคล้องตามหลักเกณฑ์ของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ตามที่ระบุในอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Convention for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage, 2003) ถึง 4 สาขาด้วยกันคือ 1) มุขปาฐะ ๒) ศิลปะการแสดง ๓) การปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรมและงานเทศกาล ๔) งานช่างฝีมือดั้งเดิม ซึ่งในปัจจุบันมีคณะโนราอาชีพในประเทศไทยจำนวน 378 คณะ ได้กระจุกตัวอยู่มากบริเวณรอบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาถึง 70% (ธรรมนิตย์  นิคมรัตน์, 2564) อีกทั้งมีการสืบทอดศิลปะทั้งด้านการแสดง ช่างฝีมือ ดนตรี และพิธีกรรมจากรุ่นสู่รุ่นผ่านสายตระกูลโนรา ชุมชน วัด จนกระทั่งเข้าสู่หลักสูตรการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาทุกระดับทั่วภาคใต้
             ในส่วนของภูมิปัญญาโนรา ได้แบ่งเป็น 2ประเด็นหลักคือ ภูมิปัญญาด้านการสร้างตำนานและประวัติความเป็นมาของโนรา และภูมิปัญญาด้านานคติความเชื่อ (พิทยา  บุษรารัตน์, 2553) ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการดำรงอยู่ของความมีวิถีผูกพันอย่างลึกซึ้งกับชีวิตสังคมชาวภาคใต้ซึ่งมีความเชื่อเกี่ยวกับพิธีกรรมอย่างเข้มข้นและส่งผลโดยตรงต่อผู้เป็นโนรื้อสาย ลูกหลานตายายโนรา ที่แสดงออกถึงความกตัญญูรู้คุณด้วยการสืบทอดเชื้อสายโนราต่อๆกันมา
             และเมื่อกล่าวถึงโนรา ในชุมชนท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก็เป็นอีกชุมชนหนึ่งที่มีเรื่องราวของโนรามาแต่โบราณกาลสืบสานต่อยอดกันมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เป็นระยะเวลากว่า 100 ปี ตั้งแต่ โนราคล้าย  แก้วสัตยา โนราชุม  แก้วสัตยา โนราเงาะ โนราอินแก้ว ทองสมสี โนราบุญแก้ว  ทองสมสี  โนราไข่แก้ว โนรารักษ์  ไชยภักดี โนราเรือง โนราสีนุ่น รัตนะนุพงษ์  และโนราอรุณ  แก้วสัตยา (จรูญ  หยูทอง, 2564) ซึ่งโนราที่ได้ยกตัวอย่างมาข้างต้น เป็นโนราระดับชั้นครูหมอของชุมชนท่าข้าม ที่มีลูกหลานสืบทอดรับช่วงผสานความเชื่อต่อๆมาเพื่อดูแลรักษาภูมิปัญญาต่างๆ เช่น ตำนาน ประวัติศาสตร์โนรา ท่ารำ เครื่องดนตรี เครื่องแต่งกาย พิธีกรรมต่างๆไว้ จนปัจจุบันก็ยังมีธรรมเนียมปฏิบัติของคนในชุมชนท่าข้าม ร่วมกันขับเคลื่อนมรดกภูมิปัญญาโนราชุมชนท่าข้ามโดยการไหว้ครูหมอโนราเป็นประจำทุกปี ดังนั้นทางองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้ามนำโดย นายสินธพ  อินทรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้ามและคณะกรรมการวัฒนธรรมชุมชนได้จัดสร้างอาคารศูนย์อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมชุมชนท่าข้าม และมีความประสงค์จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโนรา ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ควรเก็บรักษาอย่างยิ่งไว้ที่ศูนย์แห่งนี้อีกด้วย (สินธพ  อินทรัตน์, สัมภาษณ์ 2565)
             ผู้วิจัยในฐานะที่เป็นนักสารสนเทศศาสตร์ จึงสนใจศึกษาแนวทางการจัดการสารสนเทศมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อสืบสานรากเหง้าของภูมิปัญญาโนรา 100ปี ชุมชนท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาโดยจะดำเนินการศึกษาถึงสภาพปัจจุบันของมรดกภูมิปัญญาโนรา 100 ปี ชุมชนท่าข้าม และนำมาหาแนวทางในการจัดการสารสนเทศให้อยู่ในรูปแบบที่น่าเชื่อถือมากที่สุดเพื่อนำมาเผยแพร่ให้กับคนรุ่นหลังได้
4
รับทราบถึงรากเหง่าสายโนราชุมชนท่าข้าม เพื่อจะได้ร่วมกันสืบสาน อนุรักษ์  รักษา และต่อยอดให้โนรา
ท่าข้ามดำรงอยู่คู่ชุมชนอย่างยั่งยืน และในอนาคตอาจได้นำข้อมูลสารสนเทศที่มีการจัดเก็บเป็นระบบนี้ไปถ่ายทอดในรูปแบบอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นในโอกาสต่อไปได้
 “โนรา” ศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ของประเทศไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ จากองค์การสหประชาชาติ (UNESCO) เป็นอันดับ 3รองจากโขน (ปีพุทธศักราช 2561) และนวดไทย (ปีพุทธศักราช 2562) โนรา นับเป็นศิลปวัฒนธรรมทีทรงคุณค่าและมีความสำคัญในฐานะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นด้านศิลปะการแสดงที่สืบทอดมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18-19 (ธรรมนิตย์  นิคมรัตน์, 2564) และโนรามีลักษระที่สอดคล้องตามหลักเกณฑ์ของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ตามที่ระบุในอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Convention for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage, 2003) ถึง 4 สาขาด้วยกันคือ 1) มุขปาฐะ ๒) ศิลปะการแสดง ๓) การปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรมและงานเทศกาล ๔) งานช่างฝีมือดั้งเดิม ซึ่งในปัจจุบันมีคณะโนราอาชีพในประเทศไทยจำนวน 378 คณะ ได้กระจุกตัวอยู่มากบริเวณรอบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาถึง 70% (ธรรมนิตย์  นิคมรัตน์, 2564) อีกทั้งมีการสืบทอดศิลปะทั้งด้านการแสดง ช่างฝีมือ ดนตรี และพิธีกรรมจากรุ่นสู่รุ่นผ่านสายตระกูลโนรา ชุมชน วัด จนกระทั่งเข้าสู่หลักสูตรการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาทุกระดับทั่วภาคใต้
             ในส่วนของภูมิปัญญาโนรา ได้แบ่งเป็น 2ประเด็นหลักคือ ภูมิปัญญาด้านการสร้างตำนานและประวัติความเป็นมาของโนรา และภูมิปัญญาด้านานคติความเชื่อ (พิทยา  บุษรารัตน์, 2553) ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการดำรงอยู่ของความมีวิถีผูกพันอย่างลึกซึ้งกับชีวิตสังคมชาวภาคใต้ซึ่งมีความเชื่อเกี่ยวกับพิธีกรรมอย่างเข้มข้นและส่งผลโดยตรงต่อผู้เป็นโนรื้อสาย ลูกหลานตายายโนรา ที่แสดงออกถึงความกตัญญูรู้คุณด้วยการสืบทอดเชื้อสายโนราต่อๆกันมา
             และเมื่อกล่าวถึงโนรา ในชุมชนท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก็เป็นอีกชุมชนหนึ่งที่มีเรื่องราวของโนรามาแต่โบราณกาลสืบสานต่อยอดกันมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เป็นระยะเวลากว่า 100 ปี ตั้งแต่ โนราคล้าย  แก้วสัตยา โนราชุม  แก้วสัตยา โนราเงาะ โนราอินแก้ว ทองสมสี โนราบุญแก้ว  ทองสมสี  โนราไข่แก้ว โนรารักษ์  ไชยภักดี โนราเรือง โนราสีนุ่น รัตนะนุพงษ์  และโนราอรุณ  แก้วสัตยา (จรูญ  หยูทอง, 2564) ซึ่งโนราที่ได้ยกตัวอย่างมาข้างต้น เป็นโนราระดับชั้นครูหมอของชุมชนท่าข้าม ที่มีลูกหลานสืบทอดรับช่วงผสานความเชื่อต่อๆมาเพื่อดูแลรักษาภูมิปัญญาต่างๆ เช่น ตำนาน ประวัติศาสตร์โนรา ท่ารำ เครื่องดนตรี เครื่องแต่งกาย พิธีกรรมต่างๆไว้ จนปัจจุบันก็ยังมีธรรมเนียมปฏิบัติของคนในชุมชนท่าข้าม ร่วมกันขับเคลื่อนมรดกภูมิปัญญาโนราชุมชนท่าข้ามโดยการไหว้ครูหมอโนราเป็นประจำทุกปี ดังนั้นทางองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้ามนำโดย นายสินธพ  อินทรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้ามและคณะกรรมการวัฒนธรรมชุมชนได้จัดสร้างอาคารศูนย์อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมชุมชนท่าข้าม และมีความประสงค์จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโนรา ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ควรเก็บรักษาอย่างยิ่งไว้ที่ศูนย์แห่งนี้อีกด้วย (สินธพ  อินทรัตน์, สัมภาษณ์ 2565)
             ผู้วิจัยในฐานะที่เป็นนักสารสนเทศศาสตร์ จึงสนใจศึกษาแนวทางการจัดการสารสนเทศมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อสืบสานรากเหง้าของภูมิปัญญาโนรา 100ปี ชุมชนท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาโดยจะดำเนินการศึกษาถึงสภาพปัจจุบันของมรดกภูมิปัญญาโนรา 100 ปี ชุมชนท่าข้าม และนำมาหาแนวทางในการจัดการสารสนเทศให้อยู่ในรูปแบบที่น่าเชื่อถือมากที่สุดเพื่อนำมาเผยแพร่ให้กับคนรุ่นหลังได้
4
รับทราบถึงรากเหง่าสายโนราชุมชนท่าข้าม เพื่อจะได้ร่วมกันสืบสาน อนุรักษ์  รักษา และต่อยอดให้โนรา
ท่าข้ามดำรงอยู่คู่ชุมชนอย่างยั่งยืน และในอนาคตอาจได้นำข้อมูลสารสนเทศที่มีการจัดเก็บเป็นระบบนี้ไปถ่ายทอดในรูปแบบอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นในโอกาสต่อไปได้
 
“โนรา” ศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ของประเทศไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ จากองค์การสหประชาชาติ (UNESCO) เป็นอันดับ 3รองจากโขน (ปีพุทธศักราช 2561) และนวดไทย (ปีพุทธศักราช 2562) โนรา นับเป็นศิลปวัฒนธรรมทีทรงคุณค่าและมีความสำคัญในฐานะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นด้านศิลปะการแสดงที่สืบทอดมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18-19 (ธรรมนิตย์  นิคมรัตน์, 2564) และโนรามีลักษระที่สอดคล้องตามหลักเกณฑ์ของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ตามที่ระบุในอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Convention for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage, 2003) ถึง 4 สาขาด้วยกันคือ 1) มุขปาฐะ ๒) ศิลปะการแสดง ๓) การปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรมและงานเทศกาล ๔) งานช่างฝีมือดั้งเดิม ซึ่งในปัจจุบันมีคณะโนราอาชีพในประเทศไทยจำนวน 378 คณะ ได้กระจุกตัวอยู่มากบริเวณรอบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาถึง 70% (ธรรมนิตย์  นิคมรัตน์, 2564) อีกทั้งมีการสืบทอดศิลปะทั้งด้านการแสดง ช่างฝีมือ ดนตรี และพิธีกรรมจากรุ่นสู่รุ่นผ่านสายตระกูลโนรา ชุมชน วัด จนกระทั่งเข้าสู่หลักสูตรการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาทุกระดับทั่วภาคใต้
             ในส่วนของภูมิปัญญาโนรา ได้แบ่งเป็น 2ประเด็นหลักคือ ภูมิปัญญาด้านการสร้างตำนานและประวัติความเป็นมาของโนรา และภูมิปัญญาด้านานคติความเชื่อ (พิทยา  บุษรารัตน์, 2553) ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการดำรงอยู่ของความมีวิถีผูกพันอย่างลึกซึ้งกับชีวิตสังคมชาวภาคใต้ซึ่งมีความเชื่อเกี่ยวกับพิธีกรรมอย่างเข้มข้นและส่งผลโดยตรงต่อผู้เป็นโนรื้อสาย ลูกหลานตายายโนรา ที่แสดงออกถึงความกตัญญูรู้คุณด้วยการสืบทอดเชื้อสายโนราต่อๆกันมา
             และเมื่อกล่าวถึงโนรา ในชุมชนท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก็เป็นอีกชุมชนหนึ่งที่มีเรื่องราวของโนรามาแต่โบราณกาลสืบสานต่อยอดกันมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เป็นระยะเวลากว่า 100 ปี ตั้งแต่ โนราคล้าย  แก้วสัตยา โนราชุม  แก้วสัตยา โนราเงาะ โนราอินแก้ว ทองสมสี โนราบุญแก้ว  ทองสมสี  โนราไข่แก้ว โนรารักษ์  ไชยภักดี โนราเรือง โนราสีนุ่น รัตนะนุพงษ์  และโนราอรุณ  แก้วสัตยา (จรูญ  หยูทอง, 2564) ซึ่งโนราที่ได้ยกตัวอย่างมาข้างต้น เป็นโนราระดับชั้นครูหมอของชุมชนท่าข้าม ที่มีลูกหลานสืบทอดรับช่วงผสานความเชื่อต่อๆมาเพื่อดูแลรักษาภูมิปัญญาต่างๆ เช่น ตำนาน ประวัติศาสตร์โนรา ท่ารำ เครื่องดนตรี เครื่องแต่งกาย พิธีกรรมต่างๆไว้ จนปัจจุบันก็ยังมีธรรมเนียมปฏิบัติของคนในชุมชนท่าข้าม ร่วมกันขับเคลื่อนมรดกภูมิปัญญาโนราชุมชนท่าข้ามโดยการไหว้ครูหมอโนราเป็นประจำทุกปี ดังนั้นทางองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้ามนำโดย นายสินธพ  อินทรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้ามและคณะกรรมการวัฒนธรรมชุมชนได้จัดสร้างอาคารศูนย์อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมชุมชนท่าข้าม และมีความประสงค์จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโนรา ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ควรเก็บรักษาอย่างยิ่งไว้ที่ศูนย์แห่งนี้อีกด้วย (สินธพ  อินทรัตน์, สัมภาษณ์ 2565)
             ผู้วิจัยในฐานะที่เป็นนักสารสนเทศศาสตร์ จึงสนใจศึกษาแนวทางการจัดการสารสนเทศมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อสืบสานรากเหง้าของภูมิปัญญาโนรา 100ปี ชุมชนท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาโดยจะดำเนินการศึกษาถึงสภาพปัจจุบันของมรดกภูมิปัญญาโนรา 100 ปี ชุมชนท่าข้าม และนำมาหาแนวทางในการจัดการสารสนเทศให้อยู่ในรูปแบบที่น่าเชื่อถือมากที่สุดเพื่อนำมาเผยแพร่ให้กับคนรุ่นหลังได้
4
รับทราบถึงรากเหง่าสายโนราชุมชนท่าข้าม เพื่อจะได้ร่วมกันสืบสาน อนุรักษ์  รักษา และต่อยอดให้โนรา
ท่าข้ามดำรงอยู่คู่ชุมชนอย่างยั่งยืน และในอนาคตอาจได้นำข้อมูลสารสนเทศที่มีการจัดเก็บเป็นระบบนี้ไปถ่ายทอดในรูปแบบอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นในโอกาสต่อไปได้
 “โนรา” ศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ของประเทศไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ จากองค์การสหประชาชาติ (UNESCO) เป็นอันดับ 3รองจากโขน (ปีพุทธศักราช 2561) และนวดไทย (ปีพุทธศักราช 2562) โนรา นับเป็นศิลปวัฒนธรรมทีทรงคุณค่าและมีความสำคัญในฐานะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นด้านศิลปะการแสดงที่สืบทอดมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18-19 (ธรรมนิตย์  นิคมรัตน์, 2564) และโนรามีลักษระที่สอดคล้องตามหลักเกณฑ์ของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ตามที่ระบุในอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Convention for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage, 2003) ถึง 4 สาขาด้วยกันคือ 1) มุขปาฐะ ๒) ศิลปะการแสดง ๓) การปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรมและงานเทศกาล ๔) งานช่างฝีมือดั้งเดิม ซึ่งในปัจจุบันมีคณะโนราอาชีพในประเทศไทยจำนวน 378 คณะ ได้กระจุกตัวอยู่มากบริเวณรอบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาถึง 70% (ธรรมนิตย์  นิคมรัตน์, 2564) อีกทั้งมีการสืบทอดศิลปะทั้งด้านการแสดง ช่างฝีมือ ดนตรี และพิธีกรรมจากรุ่นสู่รุ่นผ่านสายตระกูลโนรา ชุมชน วัด จนกระทั่งเข้าสู่หลักสูตรการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาทุกระดับทั่วภาคใต้
             ในส่วนของภูมิปัญญาโนรา ได้แบ่งเป็น 2ประเด็นหลักคือ ภูมิปัญญาด้านการสร้างตำนานและประวัติความเป็นมาของโนรา และภูมิปัญญาด้านานคติความเชื่อ (พิทยา  บุษรารัตน์, 2553) ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการดำรงอยู่ของความมีวิถีผูกพันอย่างลึกซึ้งกับชีวิตสังคมชาวภาคใต้ซึ่งมีความเชื่อเกี่ยวกับพิธีกรรมอย่างเข้มข้นและส่งผลโดยตรงต่อผู้เป็นโนรื้อสาย ลูกหลานตายายโนรา ที่แสดงออกถึงความกตัญญูรู้คุณด้วยการสืบทอดเชื้อสายโนราต่อๆกันมา
             และเมื่อกล่าวถึงโนรา ในชุมชนท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก็เป็นอีกชุมชนหนึ่งที่มีเรื่องราวของโนรามาแต่โบราณกาลสืบสานต่อยอดกันมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เป็นระยะเวลากว่า 100 ปี ตั้งแต่ โนราคล้าย  แก้วสัตยา โนราชุม  แก้วสัตยา โนราเงาะ โนราอินแก้ว ทองสมสี โนราบุญแก้ว  ทองสมสี  โนราไข่แก้ว โนรารักษ์  ไชยภักดี โนราเรือง โนราสีนุ่น รัตนะนุพงษ์  และโนราอรุณ  แก้วสัตยา (จรูญ  หยูทอง, 2564) ซึ่งโนราที่ได้ยกตัวอย่างมาข้างต้น เป็นโนราระดับชั้นครูหมอของชุมชนท่าข้าม ที่มีลูกหลานสืบทอดรับช่วงผสานความเชื่อต่อๆมาเพื่อดูแลรักษาภูมิปัญญาต่างๆ เช่น ตำนาน ประวัติศาสตร์โนรา ท่ารำ เครื่องดนตรี เครื่องแต่งกาย พิธีกรรมต่างๆไว้ จนปัจจุบันก็ยังมีธรรมเนียมปฏิบัติของคนในชุมชนท่าข้าม ร่วมกันขับเคลื่อนมรดกภูมิปัญญาโนราชุมชนท่าข้ามโดยการไหว้ครูหมอโนราเป็นประจำทุกปี ดังนั้นทางองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้ามนำโดย นายสินธพ  อินทรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้ามและคณะกรรมการวัฒนธรรมชุมชนได้จัดสร้างอาคารศูนย์อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมชุมชนท่าข้าม และมีความประสงค์จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโนรา ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ควรเก็บรักษาอย่างยิ่งไว้ที่ศูนย์แห่งนี้อีกด้วย (สินธพ  อินทรัตน์, สัมภาษณ์ 2565)
             ผู้วิจัยในฐานะที่เป็นนักสารสนเทศศาสตร์ จึงสนใจศึกษาแนวทางการจัดการสารสนเทศมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อสืบสานรากเหง้าของภูมิปัญญาโนรา 100ปี ชุมชนท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาโดยจะดำเนินการศึกษาถึงสภาพปัจจุบันของมรดกภูมิปัญญาโนรา 100 ปี ชุมชนท่าข้าม และนำมาหาแนวทางในการจัดการสารสนเทศให้อยู่ในรูปแบบที่น่าเชื่อถือมากที่สุดเพื่อนำมาเผยแพร่ให้กับคนรุ่นหลังได้
 
รับทราบถึงรากเหง่าสายโนราชุมชนท่าข้าม เพื่อจะได้ร่วมกันสืบสาน อนุรักษ์  รักษา และต่อยอดให้โนรา
ท่าข้ามดำรงอยู่คู่ชุมชนอย่างยั่งยืน และในอนาคตอาจได้นำข้อมูลสารสนเทศที่มีการจัดเก็บเป็นระบบนี้ไปถ่ายทอดในรูปแบบอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นในโอกาสต่อไปได้
 
Fulltext ไม่มีไฟล์
จำนวนการอ่าน

Best Screen Resolution 1024x768 pixel and Text Size as Medium

Copyright 2012 All Rights Reserved | Power by IRD.SKRU