หน้าแรก
เว็บไซต์สถาบันวิจัย
ข้อมูลนักวิจัย
แสดงข้อมูลนักวิจัย
ค้นหาข้อมูลนักวิจัย
โครงการวิจัยที่เสร็จสิ้น
แสดงโครงการวิจัยที่เสร็จสิ้น
ค้นหาโครงการวิจัยที่เสร็จสิ้น
รายงานข้อมูล
คู่มือการใช้งาน
คู่มือสำหรับนักวิจัย
คู่มือสำหรับผู้ทรงคุณวุฒิ
เข้าสู่ระบบ
ชื่องานวิจัย
ชื่องานวิจัยภาษาไทย
การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำทิ้งโรงงานแปรรูปอาหารทะเลบรรจุกระป๋องโดยใช้เทคโนโลยีการหมักร่วม
ชื่องานวิจัยภาษาอังกฤษ
Enhanced Efficiency of Biogas Production Process from Cannery Seafood Wastewater by Using the Co-digestion Technology
ผู้ร่วมทำงานวิจัย
หัวหน้าโครงการ
นาย เกียรติศักดิ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
รายละเอียดงานวิจัย
แหล่งทุนวิจัย
งบประมาณแผ่นดิน(วช.)
สาขาการวิจัย
สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย
ปีงบประมาณ
2560
ระยะเวลาดำเนินการวิจัย
1 ปี
งบประมาณ
986,600 บาท
พื้นที่ทำการวิจัย
ต.เขารูปช้าง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา
ผู้ประสานงานในพื้นที่
-
สถานะของผู้ประสานงาน
-
ประเภทงานวิจัย
เดี่ยว
สถานะงานวิจัย
ดำเนินการเสร็จสิ้น
คำสำคัญ
ก๊าซชีวภาพ, อาหารทะเล, เทคโนโลยีการหมักร่วม
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นไปได้และพัฒนาการใช้เทคโนโลยีการหมักร่วม(Co-digestion technology) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตก๊าซชีวภาพของน้ำทิ้งโรงงานแปรรูปอาหารทะเลบรรจุกระป๋อง โดยการใช้กากน้ำตาล (Molasses) และของเสียกลีเซอรอล (Glycerol waste) เป็นสารหมักร่วม (Co-substrate) ผลการทดลองพบว่า อัตราส่วนที่ดีที่สุดในการหมักร่วมน้ำทิ้งโรงงานแปรรูปอาหารทะเลบรรจุกระป๋องกับกากน้ำตาลให้ผลได้มีเทนและผลิตมีเทนสูงสุดที่อัตราส่วนร้อยละ 99 : 1 (v/v) มีค่าเท่ากับ 334 ml CH
4
/g COD และ 17 m
3
CH
4
/m
3
Wastewater และการหมักร่วมน้ำทิ้งโรงงานแปรรูปอาหารทะเลบรรจุกระป๋องกับของเสียกลีเซอรอลให้ผลได้มีเทนสูงสุดที่อัตราส่วนร้อยละ 99 : 5 (v/v) มีค่าเท่ากับ 339 ml CH
4
/g COD และ43 m
3
CH
4
/m
3
Wastewater โดยมีความเข้มข้นของมีเทนอยู่ในช่วงร้อยละ 55-70 ซึ่งที่อัตราส่วนดังกล่าวเป็นการหมักร่วมแบบส่งเสริมกัน (Synergism) หลังจากนั้นทำการศึกษาระยะเวลากักเก็บสารอินทรีย์ที่เหมาะสมต่อการผลิตมีเทนในระบบต่อเนื่องโดยการเปรียบเทียบชนิดของถังปฏิกรณ์ระหว่าง CSTR และ PFRผลการศึกษาพบว่า ที่ระยะเวลากักเก็บสารอินทรีย์ที่ 30 วันของถังปฏิกรณ์ชนิด CSTRสามารถให้ผลได้มีเทนและอัตราการผลิตมีเทนสูงสุดในการหมักร่วมน้ำทิ้งโรงงานแปรรูปอาหารทะเลบรรจุกระป๋องกับกากน้ำตาลที่อัตราส่วนร้อยละ 99 : 1 (v/v) มีค่าเท่ากับ 120ml CH
4
/g CODและ 225 ml CH
4
/L/dและการหมักร่วมน้ำทิ้งโรงงานแปรรูปอาหารทะเลบรรจุกระป๋องกับของเสียกลีเซอรอล ที่อัตราส่วนร้อยละ 95 : 5 (v/v) ให้ผลได้มีเทนและอัตราการผลิตมีเทนสูงสุดที่ระยะเวลากักเก็บสารอินทรีย์ 30 วัน มีค่าเท่ากับ 200 ml CH
4
/g CODและ 425 ml CH
4
/L/dตามลำดับ โดยมีความเข้มข้นของมีเทนอยู่ในช่วงร้อยละ 55-65 จากผลการศึกษานี้จะเห็นได้ว่าเมื่อระยะเวลากักเก็บสารอินทรีย์ลดลง อัตราการป้อนสารอินทรีย์เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลได้มีเทนลดลง ประชากรจุลินทรีย์ในการผลิตมีเทนจากการหมักร่วมแบบต่อเนื่องด้วยเทคนิค DGGE ของการหมักร่วมน้ำทิ้งโรงงานแปรรูปอาหารทะเลบรรจุกระป๋องกับของเสียกลีเซอรอลที่อัตราส่วนร้อยละ 95 : 5 (v/v) ในทุกระยะเวลากักเก็บสารอินทรีย์ พบแบคทีเรียกลุ่ม
Desulfurivibrio
sp. และ
Christensenella
sp. เป็นกลุ่มเด่น สำหรับโครงสร้างประชากรอาร์เคียกลุ่มเด่น คือ
Methanothrix
sp.และ
Methanosaeta
sp. ในขณะที่การหมักร่วมน้ำทิ้งโรงงานแปรรูปอาหารทะเลบรรจุกระป๋องกับกากน้ำตาลที่อัตราส่วนร้อยละ 99: 1 (v/v) ในทุกระยะเวลากักเก็บสารอินทรีย์ พบแบคทีเรียกลุ่ม
Desulfurivibrio
sp. และ
Alteromonas
sp. เป็นกลุ่มเด่น สำหรับโครงสร้างประชากรอาร์เคียกลุ่มเด่น คือ
Methanothrix
sp. และ
Methanosaeta
sp.หลังจากนั้นการเดินระบบแบบต่อเนื่องในถังปฏิกรณ์แบบ CSTR ขนาด 200 ลิตร เพื่อทำการเปรียบเทียบผลการทดลองกับระบบต่อเนื่องในห้องปฏิบัติการ ผลการทดลองพบว่า ที่ระยะเวลากักเก็บสารอินทรีย์ที่ 30 วัน มีผลได้มีเทนและอัตราการผลิตมีเทนสูงสุด เท่ากับ 164.38 mlCH
4
/gCOD และ 580 ml CH
4
/L/day (0.58 L CH
4
/L/day) ที่ร้อยละความเข้มข้นของก๊าซมีเทน 63.05
Fulltext
[
Download
]
จำนวนการอ่าน
Best Screen Resolution
1024x768
pixel and Text Size as Medium
Copyright 2012 All Rights Reserved | Power by
IRD.SKRU