ชื่องานวิจัย
ชื่องานวิจัยภาษาไทย การปลูกและขยายพันธ์พืชน้ำกลุ่มคริปโตคอรีน
ชื่องานวิจัยภาษาอังกฤษ Cultivation and Propagation of Cryptocoryne

ผู้ร่วมทำงานวิจัย
หัวหน้าโครงการผศ. สบาย ตันไทย
ผู้ร่วมวิจัยดร. รัชฎา เศรษฐวงศ์สิน
ผู้ร่วมวิจัยผศ.ดร. จักรกริช อนันตศรัณย์
ผู้ร่วมวิจัยนาย พงษ์ศักดิ์ มานสุริวงศ์

รายละเอียดงานวิจัย
แหล่งทุนวิจัย สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)
สาขาการวิจัย สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและคณิตศาสตร์
ปีงบประมาณ 2554
ระยะเวลาดำเนินการวิจัย 4 ปี
งบประมาณ 303,900 บาท
พื้นที่ทำการวิจัย ต.เขารูปช้าง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา
ผู้ประสานงานในพื้นที่ -
สถานะของผู้ประสานงาน -
ประเภทงานวิจัย เดี่ยว
สถานะงานวิจัย ดำเนินการเสร็จสิ้น
คำสำคัญ การปลูกและขยายพันธ์พืช, คริปโตคอรีน
บทคัดย่อ           งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญเพื่อศึกษาวิธีการปลูก และขยายพันธุ์พืชน้ำกลุ่มคริปโตคอรีน   (คริป) ประกอบด้วย 3 การทดลองหลักดังนี้
         การทดลองที่ 1 ผลการศึกษาพบว่า C. tonkinensis(ผมหอม)  มีน้ำหนักเฉลี่ยสูงสุดในอาหาร MS ที่มี BA 2 มิลลิกรัมต่อลิตร และ NAA 0.50 มิลลิกรัมต่อลิตร ไม่แตกต่างทางสถิติ (P>0.05) กับอาหารที่มี  BA 2 มิลลิกรัมต่อลิตร และ NAA 0.25 มิลลิกรัมต่อลิตร ส่วน C. blassii (บอนแดงพบว่าควรเพิ่มจำนวนบอนแดงในอาหารเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ MS ที่มี BA 1มิลลิกรัมต่อลิตร แม้จะไม่ใช่สูตรที่ถูกชักนำให้มีจำนวนใบสูงสุด แต่มีจำนวนราก และ ความยาวรากเฉลี่ยสูงสุด ไม่แตกต่างทางสถิติ (P>0.05) กับอาหาร MS ที่ปราศจากสารควบคุมการเจริญเติบโต และ อาหาร MSที่มี BA 2 มิลลิกรัมต่อลิตร และ NAA 0.25 มิลลิกรัมต่อลิตร สำหรับC. albida (คริปอัลบิด้า) พบว่าอาหาร MSที่มี BA  4 มิลลิกรัมต่อลิตร ให้จำนวนยอด จำนวนต้น และจำนวนรากเฉลี่ยสูงสุดไม่แตกต่างทางสถิติ (P>0.05) กับอาหาร MS ที่มี  BA 3 มิลลิกรัมต่อลิตร ผลการศึกษาครั้งนี้ยังพบว่าอาหาร MSที่น้ำมะพร้าว 125 มิลลิกรัมต่อลิตร ทำให้เนื้อเยื่อคริปพัฒนาเป็นต้นอ่อนได้แม้จะไม่ดีที่สุดแต่น่าจะเป็นทางเลือกสำหรับการผลิตที่ต้องการลดต้นทุน หรือต้องการสร้างความแตกต่าง เพราะมีสีสันเข้มกว่าชุดการทดลองอื่น ๆ การทดลองที่ 2 ผลการปลูกใบพายศรีลังกาในระบบไฮโดรโปนิกส์เทคนิค DFTพบว่าสามารถใช้วัสดุปลูกฟองน้ำทดแทนใยหินได้ โดยใช้ความเข้มข้นของปุ๋ยที่ระดับต่ำมากคือที่ระดับค่า EC 0.5mS/cm  ส่วนการปลูกแบบดั้งเดิมพบว่าดินเหนียวปนทรายเป็นวัสดุปลูกที่เหมาะสมที่สุด ให้น้ำหนัก ความสูง จำนวนใบ และจำนวนรากเฉลี่ยสูงสุดแตกต่างทางสถิติ (P<0.05)กับทุกชุดการทดลอง ผลการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนพบว่าการปลูกในระบบไฮโดรโปนิกส์  สามารถคืนทุนได้เร็วกว่าการปลูกแบบดั้งเดิมเล็กน้อยคือ 3.21 และ 3.93 ปีตามลำดับ มีต้นทุนผันแปรต่อต้นเท่ากับ 3.22 และ 3.33 บาท การทดลองที่ 3 การชักนำให้เกิดการกลายพันธุ์โดยใช้รังสีแกมมา  พบว่าปริมาณรังสีแกมมาที่ทำให้ต้นอ่อนใบพายศรีลังกาตาย 50% (LD50) คือ 34.09 เกรย์  และที่ระดับ 15 เกรย์ ทำให้ให้ใบพายศรีลังกาเปลี่ยนแปลงทางสัณฐานวิทยาคือมีใบเล็ก เรียวยาว สีน้ำตาลอมแดง ขอบใบเรียบ โดยเกิดขึ้นเพียง 2 ซ้ำจากการศึกษา 20 ซ้ำ แต่เมื่อนำไปปลูกเลี้ยงในสภาพแวดล้อมภายนอกแบบใต้น้ำในโรงเรือนเป็นเวลา 2 เดือนพบว่ารูปร่างใบของทุกชุดการทดลองเป็นปกติไม่มีการแสดงลักษณะการกลายพันธุ์
          การศึกษาครั้งนี้ พบว่า  พืชน้ำกลุ่มคริปโตคอรีนตอบสนองต่ออาหารเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อได้ดีเจริญเติบโตในระบบไฮโดรโปนิกส์ได้โดยใช้ปุ๋ยน้อย และใช้วัสดุปลูกที่มีราคาต่ำ จึงสามารถเพิ่มจำนวนการผลิต รวมทั้งควบคุมผลผลิตให้มีปริมาณและคุณภาพตามความต้องการของตลาดหรือมาตรฐานสากล นั่นคือสามารถผลิตพืชน้ำกลุ่มคริปโตคอรีนในเชิงพาณิชย์ได้นั่นเอง 
Fulltext [Download]
จำนวนการอ่าน

Best Screen Resolution 1024x768 pixel and Text Size as Medium

Copyright 2012 All Rights Reserved | Power by IRD.SKRU