แหล่งทุนวิจัย |
งบประมาณแผ่นดินมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา |
สาขาการวิจัย |
สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา |
ปีงบประมาณ |
2553 |
ระยะเวลาดำเนินการวิจัย |
1 ปี |
งบประมาณ |
0 บาท |
พื้นที่ทำการวิจัย |
ต.เขารูปช้าง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา |
ผู้ประสานงานในพื้นที่ |
ไม่ระบุ |
สถานะของผู้ประสานงาน |
ไม่ระบุ |
ประเภทงานวิจัย |
เดี่ยว |
สถานะงานวิจัย |
ดำเนินการเสร็จสิ้น |
คำสำคัญ |
อาหารพื้นบ้าน,สร้างเสริมสุขภาพ,จังหวัดสตูล |
บทคัดย่อ |
การศึกษาอาหารพื้นบ้านเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ : จังหวัดสตูล ตลอดจนความเชื่อและพฤติกรรมในการบริโภค เพื่อวิเคราะค์คุณค่าทางโภชนาการและตัดเป็นรายการอาหารพื้นบ้านสร้างเสริมสุขภาพ กลุ่มตัวอย่างในการศึกษาเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคอาหารพื้นบ้านในจังหวัดสตูล โดยใช้แบบสัมภาษณ์และนำข้อมูลที่ได้มาสร้างแบบสอบถาม เพื่อศึกษาความนิยมในการบริโภคอาหารพื้นบ้านแต่ละชนิดและนำอาหารที่นิยมบริโภคสามอันดับแรกของแต่ละชนิดมาวิเคราะค์คุณค่าทางโภชนาการและจัดเป็นรายการอาหารพื้นบ้านเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ
ผลการศึกษาพบว่า
ตำรับอาหารพื้นบ้านที่นิยมบริโภคสามอันดับแรก ของจังหวัดสตูล มีทั้งหมด 80 อย่าง ซึ่งแบ่งเป็นอาหารคาว 57 อย่าง ได้แก่ แกงเผ็ด แกงจืด อาหารที่ปรุงแบบผัดและยำ อาหารประเภท ทอด ย่างปิ้งและนึ่ง อาหารประเภทเครื่องจิ้ม อาหารจานเดียว และอาหารปรเภทอาหารหวานที่นิยมบริโภคสามอันดับแรก มีจำนวน 23 อย่าง มีวิธีการปรุงแบบต้ม นึ่ง ปิ้งย่าง ทอด จี่ อบ กวน และคั่ว
ส่วนประกอบของอาหารคาว ประเภทเนื้อสัตว์นิยมบริโภค ปลา กุ้ง ไก่ เนื้อวัว และเนื้อหมู ประเภทผักที่นิยมนำมาประกอบอาาร เช่น ผักบุ้ง มะละกอ หยวกกล้วย สะตอ ตะลิงปลิง ดอกและ ใบขี้เหล็ก ใบชะมวง ใบชะพลู เป็นต้น ประเภทเครื่องปรุงมีพริกขี้หนูเม็ดเล็กและ ใหญ่ทั้งสดและแห้ง ขมิ้น หอมแดง กระเทียม พริกไทย ข่า มะกรูด ตะไคร้ และปรุงรสด้วยกะปิ เกลือ นำ้ปลา นำ้ตาล ส่วนประกอบของอาหารหวานประเภทข้าวและผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ข้าวเหนียว ข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และแป้งสาลี ประเภทนำ้ตาลมีทั้งนำ้ตาลทรายขาวและนำ้ตาลทรายแดง ประเภทนำ้กะทิและเนื้อมะพร้าว และยังมีผลไม้เป็นส่วนประกอบด้วยเช่น จำปาดะ กล้วยนำ้ว้า และมันเทศ เป็นต้น
ความเชื่อเกี่ยวกับสรรพคุณทางสมุนไพรของพืชผักตามตำราของแพทย์แผนไทย กลุ่มตัวอย่างส่วนมากทราบถึงสรรพคุณทางสมุนไพรของพืชผักที่นิยมบริโภคจากการบอกเล่าต่อกันมาและเรียนรู้ด้วยตนเอง เช่น ความเชื่อว่าเชื่อขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องขึ้น แน่นจุกเสียด รักษาโรคกระเพาะ ขับเหงื่อ ขัดปัสสาวะ รักษาโรคนิ่ว ขับเสมหะ แก้ไข้ แก้หวัด แก้ไอ เป็นยาระบาย แก้ท้องผูก บำรุงสายตา เป็นต้น
พฤติกรรมในการบริโภคอาหารพื้นบ้าน ประเภทอาหารคาวนิยมบริโภคแกงเผ็ดเป็นหลัก และบริโภคอาหารคาวชนิดอื่นๆ ร่วมด้วย ความถี่ในการบริโภคอาหารคาวแต่ละประเภท คือ 1-3 มื้อต่อสัปดาห์ ในมื้อกลางวันและมื้อเย็น โดยนิยมปรุงเอง สำหรับอาหารหวานนิยมบริโภค 1-3 มื้อต่อสัปดาห์ ในมื้อเช้าและเป็นอาหารว่าง นิยมซื้อเพื่อความสะดวก
คุณค่าโภชนาการของอาหารคาวและอาหารหวาน มีพลังงาน โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร วิตามินเอ แคโรทีน วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก
การนำตำรับอาหารพื้นบ้านมาจัดเป็นรายการอาหารเพื่อสร้างสุขภาพ โดยกำหนดให้มีอาหารครบทั้ง 5 หมู่ มีพลังงาน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ตามความต้องการทางโภชนาการของผู้บริโภค ซึ่งพบว่า สามารถจัดรายการอาหารให้บริโภคได้ตามกำหนดและเพื่อให้ได้ประโยชน์มากยิ่งขึ้นอาหารคาวควรจะมีพืชผัก เครื่องเทศ และพืชสมุนไพร เป็นส่วนประกอบในเครื่องปรุง สำหรับอาหารหวานแม้จะมีพลังงานสูงจากส่วนผสมของแป้ง นำ้ตาลและกะทิ แต่สามารถจัดให้เหมาะสมในการบริโภคร่วมกับอาหารอื่นๆได้ โดยกำหนดปริมาณการบริโภคให้เหมาะสม จึงสามารถกล่าวได้ว่าอาหารพื้นบ้านจังหวัดสตูลสามารถบริโภคเพื่อสร้างเสริมสุขภาพได้ |
Fulltext |
ไม่มีไฟล์ |
จำนวนการอ่าน |
|